วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

การเป็นคนแห่งการนมัสการ

 การเป็นคนแห่งการนมัสการ
นักดนตรีและนักร้อง ต้องเป็นคนที่พัฒนาชีวิตของตนเองเพื่อพระเจ้า และเมื่อเติบโตขึ้นแล้ว ทำอย่างไรจะรักษาไว้ได้ตลอดไป  เราจะพัฒนาชีวิตที่จะเป็นคนแห่งการนมัสการได้อย่างไร     คริสเตียนทั่วไป ผู้นำนมัสการ นักร้อง นักดนตรี  ต้องการจะเป็นคนแห่งการนมัสการ  ไม่ใช่เพียงเป็นผู้เชื่อเท่านั้น   การนมัสการไม่ใช่การมีส่วนในการนมัสการ  แต่เป็นวิถีชีวิตของแต่ละคน  การนมัสการเป็นเรื่องของบุคคล  มิใช่ของที่ประชุมทั้งหมด  การนมัสการเป็นเรื่องของความสัมพันธ์กับพระเจ้า  หากที่ประชุมของเราเป็นคนแห่งการ นมัสการอยู่แล้ว การกระตุ้นหรือการหนุนใจให้นมัสการก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด  ไม่มีความจำเป็นต้องเร้าใจเลย  การนมัสการเป็นสิ่งที่ต้องเคลื่อนมาจากภายใน  แล้วออกมาภายนอก  จุดเริ่มต้นของการนมัสการอยู่ที่ชีวิตภายใน  ไม่ใช่ทำโน่นทำนี่  John Mc Arthur กล่าวว่าการนมัสการในชีวิตของคริสเตียนเป็นเหมือนพลังขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า  เป็นเหมือนรถยนต์ที่ต้องมีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนจึงสามารถใช้งานได้  รถยนต์มีเครื่องยนต์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญฉันใด  ชีวิตคริส-เตียนก็มีการนมัสการเป็นแรงขับเคลื่อนด้วยฉันนั้นการนมัสการเริ่มต้นจากที่บ้าน  วิถีชีวิตส่วนตัวในแต่ละวัน  ไม่ใช่วันอาทิตย์  ที่โบสถ์ 10.00 น. - เปิดสวิทช์ , 12.00 น. ปิดสวิทช์
     การนมัสการไม่ต้องการบทเพลง  ไม่ต้องการคำพูดใดใด  เพราะมาจากหัวใจ  มาจากการดำเนินชีวิตกับพระเจ้า  การนมัสการไม่ต้องมีการกระตุ้นก็ได้  ถ้าคนเป็นคนแห่งการนมัสการ / ไม่ต้องมีการบังคับให้นมัสการ  เป็นเหมือนข้อมูลที่ถูกบันทึกลงในฮาร์ทดิสก์  และถูกส่งให้เปิดเผยบนจอมอนิเตอร์  ด้วยแรงบันดาลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ภายใน   คนแห่งการนมัสการจะถูกกระตุ้นโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ร้องเพลงออกมา  เหมือนกระแสน้ำไหลล้นออกมาจากใจ (พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพลง  เรื่องดนตรี)    พระบิดาไม่เคยร้องเพลงนมัสการ  เพราะการนมัสการเป็นเรื่องของมนุษย์
    การนมัสการเป็นเรื่องของการถวายชีวิตให้พระเจ้า  รม.12:1-2  พี่น้องทั้งหลาย  ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า  ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า  ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย  อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้  แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ  แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า  จะได้รู้ว่าอะไรดี  อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม
    การนมัสการเป็นเรื่องของความต่อเนื่องในการดำเนินชีวิต  การนมัสการมีไว้สำหรับมนุษย์  พระเจ้าไม่ต้องการการนมัสการจากมนุษย์  เพราะทรงห่วงใยตนเองว่าจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้  จริงๆ แล้วทรงมีทูตสวรรค์ล้อมรอบพระองค์เพื่อจะนมัสการอยู่แล้ว  เพราะทรงสร้างทูตสวรรค์ขึ้นมาให้นมัสการ  แต่พระเจ้าต้องการมนุษย์ที่จะนมัสการ  การนมัสการไม่มีเวลาเปิด-ปิด  สดด.34:1  บอกเราว่า  ปากจะสรรเสริญเรื่อยไป  “ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเจ้าตลอดไป  คำสรรเสริญพระองค์อยู่ที่ปากข้าพเจ้าเรื่อยไปเราสามารถสรรเสริญที่โบสถ์  ที่บ้าน  ที่ห้องครัว  ในรถ  ในสวน  ในห้องนอน  ดาวิดสรรเสริญพระเจ้าวันละ 7 ครั้ง  ใน สดด.119:164  “ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์วันละเจ็ดครั้ง  เหตุเรื่องกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์” --  ตื่นนอน อาหารเช้า – Praise Break – อาหารกลางวัน – Afternoon Break – อาหารเย็น - ก่อนนอน
     เรากลายเป็นคนที่มีพระเจ้าเป็นทุกส่วนของชีวิต  ไม่ใช่บางส่วน   การนมัสการเป็นเรื่องหลักในชีวิตคริสเตียน  ทำทุกอย่างด้วยใจสรรเสริญ สดด.35:28  ดาวิดสรรเสริญพระเจ้าตลอดวัน  “แล้วลิ้นของข้าพระองค์จะบอกเล่า  ถึงความชอบธรรมของพระองค์  และจะสรรเสริญพระองค์วันยังค่ำสดด.145:1 ดาวิดสรรเสริญพระเจ้าตลอดไป   “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระมหาราชา ข้าพระองค์จะเยินยอพระองค์ ถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์เป็นนิจกาล
      หากคนมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต  สิ่งต่างๆ รอบตัวก็ไม่มีความสำคัญ สิ่งที่เขาคำนึงคือพระเจ้า ไม่คำนึงว่า ใช้เวลานานไป  ยืนนานไป  ร้อนไป  ดังไป  เบาไป  ดนตรีเล่นผิดเพี้ยน อย่านมัสการพระเจ้าแบบธรรมบัญญัติ  ตัวอย่างเช่น  พลับพลาโมเสสมีกฎมีระเบียบมากมาย  มีสถานที่เจาะจง  มีเวลาเจาะจง ยน.4:23-24  บอกเราว่า  การนมัสการไม่ใช่ Where / When  แต่เป็น  Who / How   “แต่ วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและ ความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์  ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง"
    พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเคลื่อนไหวภายในชีวิตของคน  ให้ มีใจปรารถนาที่จะนมัสการพระบิดาทำอย่างไรที่จะทำให้ทีมนมัสการเป็นคนแห่งการ นมัสการพระเจ้า เป้าหมายของทีมนมัสการคือ ทุกคนเป็นผู้ที่นมัสการพระเจ้า  ถ้าบนเวทียังไม่ได้เป็นผู้ที่นมัสการพระเจ้า  เขาจะสร้างการนมัสการขึ้นได้อย่างไร   เราสร้างเสียงแห่งการนมัสการได้  แต่เราอาจไม่ได้นมัสการ  จะเป็นประโยชน์อย่างไร  เราสามารถจะรู้ได้อย่างไรว่า  ใครมีชีวิตที่นมัสการหรือเปล่า  ให้ดูที่เมื่อเขาไม่ได้เล่นดนตรีเขานมัสการหรือเปล่าจริงๆ แล้วทุกคนในทีมนมัสการเป็นผู้นำนมัสการ  โดยยืนอยู่ข้างหลังเครื่องดนตรีของตน
 เราจะพัฒนาชีวิตแห่งการเป็นคนที่นมัสการได้อย่างไร
ต้องใช้เวลาอยู่ในการทรงสถิตของพระเจ้า   เขาต้องรักที่จะอยู่ในการทรงสถิตของพระเจ้า  เขาต้องคุ้นเคยที่จะรู้ว่าพระเจ้าอยู่ที่ใด  เขาเองคุ้นเคยกับที่นั่น  เพื่อจะสามารถพาคนไปที่นั่นได้   นักดนตรีต้องรู้ว่า  เขาจะแสวงหาและพบพระเจ้าได้อย่างไร  รู้ว่าพระองค์ต้องการอะไรในรอบนมัสการหนึ่งๆ  นัก ดนตรีต้องรักที่จะเข้าร่วม ชื่นชมยินดีที่จะเข้าร่วมในการทรงสถิตของพระเจ้า เป็นความสุขความยินดี ณ ที่นั่น จิตใจของนักดนตรีต้องเป็นใจที่ไม่ว่างเปล่า / อุ่นๆ  ซึ่งพระเจ้าจะคายออกจากปาก   วว.3:15-16 "เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า  เจ้าไม่เย็นไม่ร้อน  เราใคร่ให้เจ้าเย็นหรือร้อน เพราะเหตุที่เจ้าเป็น แต่อุ่นๆไม่เย็นและไม่ร้อน  เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา" 
เราจะพัฒนาชีวิตแห่งการเป็นคนที่นมัสการได้อย่างไร
1.     ต้องใช้เวลาอยู่ในการทรงสถิตของพระเจ้า
 -  เขาต้องรักที่จะอยู่ในการทรงสถิตของพระเจ้า  เขาต้องคุ้นเคยที่จะรู้ว่าพระเจ้าอยู่ที่ใด  เขาเองคุ้นเคยกับที่นั่นเพื่อจะสามารถพาคนไปที่นั่นได้
 - นักดนตรีต้องรู้ว่า  เขาจะแสวงหาและพบพระเจ้าได้อย่างไร  รู้ว่าพระองค์ต้องการอะไรในรอบนมัสการหนึ่งๆ
- นักดนตรีต้องรักที่จะเข้าร่วม ชื่นชมยินดีที่จะเข้าร่วมในการทรงสถิตของพระเจ้า เป็นความสุขความยินดี ณ ที่นั่น
- จิตใจของนักดนตรีต้องเป็นใจที่ไม่ว่างเปล่า / อุ่นๆ  ซึ่งพระเจ้าจะคายออกจากปาก วว.3:15-16  "เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า  เจ้าไม่เย็นไม่ร้อน  เราใคร่ให้เจ้าเย็นหรือร้อน   เพราะเหตุที่เจ้าเป็นแต่อุ่นๆไม่เย็นและไม่ร้อน  เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา"
2.ต้องสุดใจกับพระเจ้า  ใจจดจ่ออยู่กับพระเจ้า
-    การนมัสการไม่ใช่การแสดงบนเวที
-    ใส่อารมณ์ลงไปในการกระทำของเรา  อารมณ์เป็นพื้นฐานของคนปกติ
3.มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต
-    ไม่ใช่ดนตรี  ไม่ใช่กิจกรรม เป็นศูนย์กลางชีวิต
4.มีชีวิตแห่งการสรรเสริญ / รักที่จะสรรเสริญ
-    ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเคลื่อนไหวที่จะสรรเสริญ  อฟ.5:19
5.ไม่ยึดระบบประเพณีนิยม (มธ.15 , มก.7)
-    ประเพณีมักทำให้สิ่งผิดเป็นถูก  และสิ่งถูกเป็นผิดเสมอ
-    อย่าเป็นคนแบบธรรมบัญญัติ  แต่เป็นคนมีพระคุณ
6.พัฒนาทักษะให้เป็นธรรมชาติที่จะปรนนิบัติ
-    พระเจ้าจะใช้เราตามขนาดทักษะของเรา  จะไม่ใช้เราเกินธรรมชาติของเรา  แบบนิ้วเคลื่อนที่ได้เองอย่างประหลาด
-    จงเรียนรู้ที่จะเล่นโดยไม่ต้องดูโน้ตจนสามารถเผยพระวจนะได้
สรุป นักดนตรีนมัสการจะเป็นผู้ที่จุดประกายการนมัสการให้คนอื่น  ดังนั้นจงเป็นคนที่เป็นผู้ที่นมัสการพระเจ้า  รักที่จะอยู่ในการทรงสถิตของพระเจ้า  มีหลายคนที่หล่นไป  หลุดไปจากการปรนนิบัติ  เพราะเพิกเฉยต่อการพัฒนาชีวิตของตนเพื่อพระเจ้า

แหล่งที่มา:christianclub.igetweb.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น