วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

อีสเตอร์

เรื่อง อีสเตอร์-ความสำคัญของการฟื้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์


คำนำ

- พระเยซูคริสต์มีความแตกต่างจากผู้นำความเชื่ออื่นๆ หลายประการ ประการหนึ่งที่แยกพระองค์ต่างกับคนอื่นๆ อย่างชัดเจน ก็คือพระองค์คืนพระชนม์จากความตายในวันที่สาม หลังจากสิ้นพระชนม์และถูกฝังไว้แล้ว
- การคืนพระชนม์เป็นการอัศจรรย์ใหญ่ยิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งสามารถนำมาเป็นหลักฐานยืนยันความเป็นพระเจ้าของพระองค์ได้ อาจจะมีคนจำนวนหนึ่งซึ่งหัวใจหยุดเต้นไปชั่วคราว และหลังจากถูกกระตุ้นหัวใจหรือได้รับการช่วยเหลือพิเศษทางการแพทย์ทำให้ หัวใจกลับเต้นขึ้นมาใหม่ แต่พระเยซูไม่ได้อยู่ในกรณีหัวใจหยุดเต้น แต่อยู่ในกรณีที่ได้สิ้นพระชนม์ถึงสามวันแล้ว แต่กลับมีพระชนม์ชีพขึ้นมาใหม่ และไม่สิ้นพระชนม์อีกเลย
- คริสเตียนได้กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างหนักแน่นมาทุกยุคทุกสมัยและให้ความสำคัญอย่างมากกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้
- เปาโลกล่าวว่า “17และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาปของตน 18และคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย 19ถ้า ในชีวิตนี้ พวกเราซึ่งอยู่ในพระคริสต์มีแต่ความหวังเท่านั้น เราก็เป็นพวกที่น่าสังเวชที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง”  (1โครินธ์ 15:17-19)
- ความเชื่อของคริสเตียนจะยืนอยู่ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการคืนพระชนม์ของพระ เยซู หากพระองค์คืนพระชนม์ เราก็แน่ใจได้ว่าเราก็เชื่อในพระเจ้าแท้จริง หากพระองค์มิได้คืนพระชนม์เราก็เชื่อในสิ่งเหลวไหลที่สุด
- ในวันนี้ เราจะพิจารณากันถึงความสำคัญของการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

1. การคืนพระชนม์พิสูจน์ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า

- พระเยซูได้ประกาศไว้แล้วว่าพระองค์มีอำนาจที่จะคืนพระชนม์ได้
- ยอห์น 10:18 “ไม่มีผู้ใดชิงชีวิตไปจากเราได้ แต่เราสละชีวิตด้วยใจสมัครของเราเอง เรามีสิทธิที่จะสละชีวิตนั้น และมีสิทธิที่จะรับคืนอีก คำกำชับนี้ เราได้รับมาจากพระบิดาของเรา"
- อำนาจนี้เองทำให้พระองค์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา พระองค์มีอำนาจเหนือมนุษย์ มีอำนาจเหนือความตาย เพราะความเป็นพระเจ้าของพระองค์นั่นเอง เมื่อพระองค์คืนพระชนม์ก็แสดงว่าพระบิดาได้สนับสนุนสิ่งที่พระเยซูตรัสเอา ไว้ และทุกสิ่งที่พระองค์สอนไว้ก็เป็นจริง พระองค์จึงทรงเป็นพระเจ้าดังที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้

2. การคืนพระชนม์เป็นการทำให้คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์เดิมสำเร็จ

- พระคัมภีร์เดิมพยากรณ์ไว้ว่าพระมาซีฮาห์จะคืนพระชนม์จากความตาย
- สดุดี 16:10 “เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนผู้ตาย หรือให้ธรรมิกชนของพระองค์ต้องเห็นปากแดนนั้น”
- สดุดี 30:3 “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงนำจิตวิญญาณของข้าพระองค์ขึ้นมาจากแดนผู้ตาย ทรงให้ข้าพระองค์มีชีวิต จึงไม่ต้องลงไปสู่ปากแดน”
- โฮเชยา 6:2 “อีกสองวันพระองค์จะทรงให้เราฟื้น พอถึงวันที่สามจะทรงยกเราขึ้น เพื่อเราจะดำรงอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์”
- การคืนพระชนม์เป็นการย้ำให้เห็นว่าพระคัมภีร์เป็นจริงตามที่พยากรณ์ไว้ พระคัมภีร์จึงมีความน่าเชื่อถือ

3. การคืนพระชนม์แสดงว่าคริสเตียนมีชีวิตหลังความตายแน่นอน

- เปาโลได้กล่าวไว้ใน 1 โครินธ์ 15:12-15
- 1 โครินธ์ 15:12-15 “12ถ้าเราเทศนาว่าพระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว เหตุใดพวกท่านบางคนยังกล่าวว่า การฟื้นขึ้นมาจากตายไม่มี 13ถ้าการฟื้นขึ้นมาจากตายไม่มี พระคริสต์ก็หาได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาไม่ 14ถ้าพระคริสต์มิได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา การเทศนาของเรานั้นก็ไม่มีหลัก ทั้งความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไม่มีหลักด้วย 15และ ก็จะปรากฏว่าเราอ้างพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเราอ้างพยานว่าพระองค์ได้ทรงชุบพระคริสต์ให้เป็นขึ้นมา แต่ถ้าคนตายไม่ถูกทรงชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ก็ไม่ได้ทรงชุบพระคริสต์ให้เป็นขึ้นมา”
- เราแน่ใจได้ว่าหลังจากชีวิตนี้ เราจะถูกชุบให้มีชีวิตใหม่ได้เพราะพระคริสต์เป็นผลแรกของบรรดาผู้ที่กลับคืน ชีวิตใหม่ เป็นความหวังของผู้ที่เชื่อ
- 1 เปโตร 1:3 “สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เรา  ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่  เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่ โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์”
- และให้ความมั่นใจว่าเราจะคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ด้วย
- 1 โครินธ์ 15:20 “แต่ความจริงพระคริสต์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไปแล้วนั้น”
- 1 โครินธ์ 15:22 “เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น”

4. การคืนพระชนม์แสดงว่าคำสอนของคริสเตียนน่าเชื่อถือ

- 1 โครินธ์ 15:14 “ถ้าพระคริสต์มิได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา การเทศนาของเรานั้นก็ไม่มีหลัก ทั้งความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไม่มีหลักด้วย”
- การคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งที่เป็นการแสดงว่าทุกสิ่งที่ คริสเตียนสอน เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือ คริสเตียนถือว่าการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระคริสต์นั้นเป็นแกนแห่งความ เชื่อ หากพระองค์ไม่คืนพระชนม์คำสอนของเราก็ไม่น่าเชื่อถือ

5. การคืนพระชนม์เป็นการแสดงว่าพระเยซูพูดความจริง

- พระเยซูทรงแจ้งให้สาวกทราบล่วงหน้าว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนม์อีก
- มัทธิว 12:38-40 “38คราวนั้นมีบางคนในพวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสีมาทูลพระองค์ว่า "อาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าอยากจะเห็นหมายสำคัญจากท่าน" 39พระองค์ จึงตรัสตอบเขาว่า "คนชาติชั่วและคิดทรยศต่อพระเจ้าแสวงหาหมายสำคัญ และจะไม่ทรงโปรดให้หมายสำคัญแก่เขา เว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์ผู้เผยพระวจนะ 40ด้วยว่า โยนาห์ได้อยู่ในท้องปลามหึมาสามวันสามคืน ฉันใด บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉันนั้น”
- มัทธิว 16:21 “ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่ และพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ จนต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่”
- มาระโก 8:31 “ตั้งแต่เวลานั้นมา พระองค์กล่าวสอนสาวกว่า บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่ พวกมหาปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ ในที่สุดพระองค์จะต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงเป็นขึ้นมาใหม่”
- ยอห์น 2:19-22 “19พระเยซูจึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า "ถ้าทำลายวิหารนี้เสีย เราจะยกขึ้นในสามวัน" 20พวกยิวจึงทูลว่า "พระวิหารนี้เขาสร้างถึงสี่สิบหกปีจึงสำเร็จ และท่านจะยกขึ้นใหม่ในสามวันหรือ" 21แต่พระวิหารที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือพระกายของพระองค์ 22เหตุ ฉะนั้นเมื่อพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสดังนี้ และเขาก็เชื่อพระคัมภีร์และพระดำรัสที่พระเยซูได้ตรัสแล้วนั้น”
- หากพระองค์ไม่คืนพระชนม์จริง พระองค์ก็เป็นผู้โกหกและคงไม่มีสาวกคนใดจะติดตามพระองค์ต่อไป พระคัมภีร์บันทึกว่าเมื่อพระเยซูถูกจับกุม สาวกไม่เหลือความกล้าหาญ ต่างพากันหนีเอาตัวรอด แม้แต่เปโตรก็ปฏิเสธพระเยซู แต่หลังจากนั้นไม่นานสาวกที่เคยขลาดกลัวเหล่านี้ กลับกลายเป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่เข้มแข็ง ไม่กลัวแม้แต่ความตาย สิ่งนี้เป็นหลักฐานยืนยันได้พระการหนึ่งว่า เพราะการฟื้นพระชนม์ของพระเยซูทำให้พวกเขามีความมั่นใจและมีความกล้าหาญใน การรับใช้พระเจ้า

สรุป

- การคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ มีความหมายต่อชีวิตคริสเตียนอย่างมาก เป็นการยืนยันถึงความเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ของพระองค์ ถึงฤทธิ์อำนาจของการช่วยกู้ของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา
- ดังนั้นเราจึงควรตอบสนองต่อการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์โดย ดำเนินชีวิตด้วยความชื่นชมยินดี ด้วยความคาดหวังในชัยชนะจากพระเจ้า ด้วยความเชื่อ และที่ไม่อาจละเลยได้ก็คือการเป็นพยานถึงการคืนพระชนม์และการทรงพระชนม์อยู่ ของพระองค์

คำถามท้ายบท
1) วันอีสเตอร์หรือวันที่ระลึกถึงการคืนพระชนม์ของพระเยซูมีความสำคัญต่อชีวิตส่วนตัวของท่านอย่างไร
2) ท่านคิดว่าเหตุใดผู้เชื่อจำนวนหนึ่งมักดำเนินชีวิตอยู่ในความบาปทั้งที่พระ เยซูคริสต์ผู้เป็นพระเจ้าซึ่งสถิตอยู่ภายในชีวิตของเขามีชัยชนะเหนือความบาป แล้ว

ข้อพระคัมภีร์ท่องจำ
1 โครินธ์ 15:22 “เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น”

แหล่งที่มา:http://www.christiancmu.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น