วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

พระเยซูคือใคร ตอนที่ 5

 4.3 พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์คือผู้พิพากษามนุษย์ ในวันสิ้นสุดของโลก"
พระเยซูคริสต์ตรัสอย่างชัดเจนว่า
"เพราะว่า พระบิดามิได้ทรงพิพากษาผู้ใด แต่พระองค์ได้ทรงมอบการพิพากษาทั้งสิ้นไว้กับพระบุตร" (ยอห์น 5:22)


และเมื่อวันสิ้นสุดของโลกมาถึง  บรรดาคนที่ตายแล้วก็จะกลับเป็นขึ้นมา เพื่อรับการพิพากษาจากพระองค์ และรับผลอันควรสำหรับแต่ละคน  บางคนจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์  แต่บางคนจะได้ยินพระสุรเสียงที่น่ากลัว ตรัสสั่งว่า

"พระองค์ จะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายพระหัตถ์ของพระองค์ว่า 'ท่านทั้งหลายผู้ต้องแช่งสาปจงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมันนั้น" (มัทธิว 25:41)

และที่สำคัญกว่านั้น  คือ  เงื่อนไขแห่งการพิพากษา ขึ้นอยู่กับท่าทีที่มนุษย์มีต่อพระองค์  ดังคำตรัสว่า

"32 เหตุดังนั้นทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์
33 แต่ผู้ใดจะไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะไม่ยอมรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ด้วย" (มัทธิว 10:32-33)


อยากให้คุณพิจารณาคำอ้างที่เกินมนุษย์นี้สักนิด

สมมติว่า  ถ้าวันนี้มีใครสักคนยืนขึ้น  แล้วประกาศต่อสาธารณชนว่า  เขาคือผู้ที่จะกลับมาในฐานะผู้พิพากษาโลก  และชะตากรรมของเราขึ้นอยู่กับว่า จะเชื่อฟังคำพูดของเขาหรือไม่  คุณจะมีความเห็นต่อคนที่กล่าวคำพูดนี้อย่างไร  คุณคงคิดว่าคนนี้น่าจะไปอยู่โรงพยาบาลบ้านสมเด็จ ฯ มากกว่า  หรือไม่ก็ควรไปหาจิตแพทย์

เราจะพูดถึงเรื่องนี้มากขึ้น เมื่อศึกษาถึงบทวิเคราะห์คำอ้างของพระเยซูคริสต์  จุดประสงค์ของการยกขึ้นมากล่าวในที่นี้  เพียงเพื่อยืนยันว่า พระเยซูคริสต์ได้อ้างว่าพระองค์คือผู้พิพากษามนุษย์โลกจริง ซึ่งเป็นคำอ้างที่เราต้องสนใจเป็นพิเศษ

4.4 พระเยซูคริสต์อ้างว่า "พระองค์เป็นผู้มีสิทธิอำนาจในการยกความผิดบาปของมนุษย์ได้"

คงไม่เกินความจริงนัก ถ้าจะกล่าวว่า ไม่มีศาสดาคนใดในโลก ที่กล้าให้ความมั่นใจถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าจะสามารถยกความบาป หรือลบล้างความผิดบาปของทุกคนที่ติดตามเขาได้

เรามักได้ยินคำสอนว่า "บาปส่วนบาป บุญส่วนบุญ"  แต่พระเยซูคริสต์เป็นผู้เดียวที่กล้ากล่าวว่า พระองค์ทรงสามารถยกบาปผิดมนุษย์ได้
"ถ้าเราสารภาพบาปของ เรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น" (1ยอห์น 1:9)

ครั้งหนึ่ง  มีคนนำคนง่อยคนหนึ่งมาเพื่อให้พระเยซูคริสต์รักษา  พระเยซูคริสต์ตรัสกับคนง่อยผู้นั้นว่า
"ลูกเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว" (มาระโก 2:5)

พวกผู้นำศาสนายิวในสมัยนั้นได้ยิน ก็รู้สึกไม่พอใจ  จึงกล่าวว่า  "ทำไมคนนี้พูดเช่นนี้  หมิ่นประมาทพระเจ้านี่  ใครจะยกความผิดบาปได้  เว้นแต่พระเจ้าเท่านั้น"

ถูกแล้ว  เราเห็นด้วยกับคำพูดนี้  ใครจะยกความผิดบาปของมนุษย์ได้  เว้นแต่พระเจ้าเท่านั้น  พระเยซูคริสต์ทรงอ้างว่า พระองค์คือพระเจ้า ที่สามารถลบล้างความผิดบาปของมนุษย์ และของคุณได้

4.5 พระเยซูคริสต์อ้างว่า "ท่าทีของมนุษย์ต่อพระองค์ ก็คือท่าทีต่อพระเจ้า"

โปรดสังเกตคำพูดต่อไปนี้ของพระองค์
  • ผู้ที่เห็นเรา ก็เท่ากับเห็นพระเจ้า
"และผู้ที่เห็นเราก็เห็นพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา" (ยอห์น 12:45)

"ฟีลิปเอ๋ย เราได้อยู่กับท่านนานถึงเพียงนี้และท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา ท่านจะพูดได้อย่างไรอีกว่า 'ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็น' " (ยอห์น 14:9)
  • ผู้ที่รู้จักเรา ก็รู้จักพระเจ้า
"ตัวเราก็ดี พระบิดาของเราก็ดี ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก ถ้าท่านรู้จักเรา ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย" (ยอห์น 8:19)

"ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเราแล้ว ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปท่านก็จะรู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์" (14:7)
  • ผู้ที่เชื่อเรา ก็เชื่อพระเจ้า
"และพระเยซูทรงประกาศว่า 'บรรดาผู้ที่วางใจในเรานั้น หาได้วางใจในเราเองไม่ แต่วางใจในพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา' " (ยอห์น 12:44)
  • ผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระเจ้า
"ถ้าผู้ใด จะรับเด็กเล็กๆเช่นนี้คนหนึ่งในนามของเรา ผู้นั้นก็รับเรา และผู้ใดได้รับเรา ผู้นั้นก็รับมิใช่แต่เราผู้เดียว แต่รับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาด้วย" (มาระโก 9:37)
  • ผู้ที่เกลียดชังเรา ก็เกลียดชังพระเจ้า
"ผู้ที่เกลียดชังเรา ก็เกลียดชังพระบิดาของเราด้วย" (ยอห์น 15:23)

เพราะว่าพระองค์เป็นพระเจ้าในสภาพของมนุษย์  เรามีท่าทีอย่างไรต่อพระองค์ ก็เท่ากับมีท่าทีอย่างนั้นต่อพระเจ้าด้วย

ตอนที่ 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 / 9

 อ้างอิงบทความจาก:christiansiam.com
* การเผยแพร่บทความมีประสงค์ให้ผู้อ่านได้รู้จักพระองค์และได้รับพระพรเท่า นั้นผิดพลาดประการใดขออภัย เจ้าของบทความไม่ประสงค์ให้ใช้เนื้อหานี้โปรดแจ้ง
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น